กระเจี๊ยบเขียว (Okra, Lady's Finger) มีอายุประมาณ 10-12 เดือน เป็นพืชล้มลุก เจริญเติบโตได้ดีในเขตอากาศแบบประเทศไทย คือ กึ่งร้อน เป็นพืชที่สามารถนำมาเป็น สมุนไพร ได้ เพราะมีสรรพคุณทางยาที่ เพิ่มกากใยในลำไส้ใหญ่จึงป้องกันอาการท้องผูก และช่วยทำความสะอาดลำไส้
กระเจี๊ยบเขียว เป็นผักที่มีคุณค่าทางโภชนาการเพราะมีวิตามินซี แคลเซียม ฟอสฟอรัส และเส้นใยสูง คนไทยส่วนใหญ่นิยมนำ กระเจี๊ยบเขียวมาจิ้มน้ำพริก นอกจากนี้ยังนำมาทำอาหารได้หลายอย่างอาทิ ยำกระเจี๊ยบเขียว แกง...ปลาใส่กระเจี๊ยบเขียว ผัดเมล็ดกระเจี๊ยบเขียว กระเจี๊ยบเขียวชุบแป้งทอด เป็นต้น และยังมีสรรพคุณเด่นๆ 3 ข้อต่อไปนี้
- กระเจี๊ยบเขียวมี กลูตาไทโอน ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการควบคุมสารอนุมูลอิสระในร่างกาย การสร้างสารซ่อมแซมเซลล์ และทำปฏิกิริยาขจัดสารพิษที่เกิดในร่างกาย ช่วยต้านมะเร็งได้เป็นอย่างดี
- กระเจี๊ยบเขียวยังมีเส้นใยอาหารชนิดไม่ละลายน้ำ เช่น เซลลูโลส เฮมิเซลลูโลส และลิกนิก ช่วยให้รู้สึกอิ่มท้องได้นาน เพิ่มกากใยในลำไส้ใหญ่จึงป้องกันอาการท้องผูก และช่วยทำความสะอาดลำไส้ สารเมือกหรือเส้นใยที่ละลายน้ำได้ของกระเจี๊ยบเขียว เมื่อลงสู่ลำไส้ใหญ่จะช่วยในการเจริญเติบโตของแบคทีเรียที่มีประโยชน์ (พรีไบโอติกแบคทีเรีย) ซึ่งจะช่วยลดปริมาณพิษที่ผลิตจากแบคทีเรียที่ไม่มีประโยชน์ที่อาศัยอยู่บริเวณลำไส้ใหญ่ส่วนปลาย กระเจี๊ยบเขียวจึงจัดเป็นผักสุขภาพสำหรับผู้ป่วยมะเร็ง
- สารเมือก (MUCILAGE) ในฝักกระเจี๊ยบเขียว เกิดจากเส้นใยอาหารชนิดละลายน้ำได้ อย่างเพกทิน (PECTIN) และกัม (GUM) ซึ่งมีประโยชน์ในการช่วยเคลือบกระเพาะอาหารและลำไส้ หล่อลื่นลำไส้ใหญ่ และลดการดูดซึมคอลเลสเตอรอลเข้าสู่ร่างกาย ซึ่งคอลเลสเตอรอลเป็นสาเหตุสำคัญของโรคหลายชนิด
กระเจี๊ยบเขียวมีสรรพคุณสำคัญมากมาย KasetStore.com จึงขอเชิญชวนเพื่อนๆ มาปลูกกระเจี๊ยบเขียวรับประทานกินเอง เพื่อสุขภาพของเราและคนในครอบครัวคะ